Federico Macheda เฟเดริโก้ มาเคด้า
Federico Macheda
เฟเดริโก้ มาเคด้า 27 |
วันเกิด 22 สิงหาคม 1991 อายุ 22 ปี
สถานที่เกิด โรม, อิตาลี น้ำหนัก 77 ส่วนสูง 184 |
ค่าเหนื่อย £6,000
ทีมชาติ อิตาลี เข้าร่วมทีม 16 กันยายน 2007 |
เฟเดริโก้ มาเคด้า เกิดเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 1991 ที่กรุงโรม เมืองหลวงของอิตาลี
เป็นผู้เล่นดาวรุ่งในตำแหน่งศูนย์หน้าของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
หลังย้ายมาจากลาซิโอ เมื่อเดือนกันยายน ปี 2007
มาเคด้า เริ่มเล่นฟุตบอลกับสโมสรลาซิโอในบ้านเกิด อย่างไรก็ตาม ด้วยกฏข้อบังคับของสมาคมฟุตบอลอิตาลี ที่ไม่สามารถเซ็นสัญญานักเตะอาชีพกับผู้เล่นอายุต่ำกว่า 18 ปีได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เป็นนักเตะของลาซิโออย่างถูกต้องสมบูรณ์ หลังจากอายุครบ 16 ปีได้ไม่นาน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็คว้าตัวมาเคด้ามาร่วมทีม เนื่องจากในอังกฤษสามารถเซ็นสัญญากับนักเตะที่อายุเกิน 16 ปีได้ เขาย้ายมาร่วมทีมอย่างเป็นทางการในฐานะนักเตะฝึกหัดในวันที่ 16 กันยายน 2007 และเริ่มต้นสัญญา 3 ปีในทีมเยาวชน มาเคด้า ลงเล่นเกมแรกในทีมเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี และทำประตูชัยให้ทีมเฉือนชนะบาร์นสลี่ย์ 1 - 0 ในวันที่ 15 กันยายน 2007 ในปีแรกของเขากับสโมสร เขาเป็นดาวซัลโวสูงสุดในทีมสำรอง ด้วยผลงาน 12 ประตูจากการลงเล่น 21 นัด นอกจากนี้เขายังได้ลงเล่นในทีมสำรองเป็นเกมแรกในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2008 โดยลงมาแทน เคราร์ด ปิเก้ ในนาทีที่ 68 มาเคด้า เซ็นสัญญานักเตะอาชีพกับสโมสรในวันเกิดอายุครบ 17 ปีของเขาในเดือนสิงหาคม 2008 ในฤดูกาล 2008-09 เขายังคงเล่นอยู่ทีมเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี และได้ลงเล่นเป็นบางเกมในทีมสำรอง จนเมื่อใกล้จบฤดูกาล เขาก็ได้รับโอกาสให้เลื่อนชั้นขึ้นสู่ทีมสำรองเต็มตัว โดยยิงได้ 8 ประตูในทีมสำรอง รวมทั้งทำแฮตทริกในเกมที่เสมอกับนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 3 - 3 เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2009 และได้รับรางวัลตอบแทนด้วยการมีชื่อเป็นตัวสำรองในเกมที่พบกับแอสตัน วิลล่า ในวันที่ 5 เมษายน 2009 ในเกมนั้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามหลังแอสตัน วิลล่า 2 - 1 เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จึงส่งมาเคด้า ลงสู่สนามแทน หลุยส์ นานี่หลังจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยิงตีเสมอให้ทีมได้ในนาทีที่ 80 มาเชด้าก็เป็นฮีโร่ของทีมด้วยการพลิกตัวยิงบอลโค้งเสียบตาข่ายให้ทีมเฉือนชนะ 3 - 2 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นับเป็นการแจ้งเกิดที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเตะวัย 17 ปีที่ก่อนหน้านี้แทบไม่มีใครรู้จัก มาเคด้ามีชื่อเป็นตัวสำรองในอีกสองเกมต่อมา คือในเกมกับปอร์โต้ ในรอบตัดเชือกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดแรก และกับซันเดอร์แลนด์ ในเกมลีก เขาถูกส่งลงสนามแทนที่ ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ และใช้เวลาเพียง 46 วินาทีในการมีชื่อทำประตูให้ทีม เมื่อไมเคิล คาร์ริค ยิงบอลมาแฉลบโดนเขาเปลี่ยนทางเข้าประตูไป ก่อนที่ทีมจะคว้าชัยชนะได้สำเร็จ เขาลงสนามเป็นตัวจริงนัดแรกในเกมที่ชนะมิดเดิ้ลสโบรซ์ 2 - 0 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2009 แต่ไม่สามารถทำประตูได้ และถูกเปลี่ยนออกในช่วงครึ่งหลัง ในช่วงปิดฤดูกาล มาเคด้าได้รับรางวัลผู้เล่นเยาวชนยอดเยี่ยมของ จิมมี่ เมอร์ฟี่ จากผลงานที่ยอดเยี่ยมทั้งในทีมเยาวชน ทีมสำรอง และทีมชุดใหญ่ เกียรติประวัติกับทีมสำรอง และเยาวชน พรีเมียร์ ลีก สำรอง นอร์ท 2009-2010 พรีเมียร์ ลีก สำรอง เนชั่นแนล เพลย์ออฟ 2009-2010 มิลค์ คัพ 2008 แมนเชสเตอร์ ซีเนียร์ คัพ 2007-2008 เกียรติประวัติส่วนตัว Jimmy Murphy Young Player of the Year 2009 |
สโมสร
|
|||||
รายการ
|
ลงสนาม
|
สำรอง
|
ประตู
|
ใบเหลือง
|
ใบแดง
|
ฟุตบอลลีก, พรีเมียร์
ลีก
|
19
|
14
|
4
|
2
|
0
|
เอฟเอ คัพ
|
1
|
0
|
0
|
0
|
0
|
ลีก คัพ
|
9
|
3
|
1
|
0
|
0
|
ยูโรเปี้ยน / อื่นๆ
|
7
|
4
|
0
|
1
|
0
|
รวม
|
36
|
21
|
5
|
3
|
0
|
ทีมชาติ
|
|||||
รายการ
|
ลงสนาม
|
สำรอง
|
ประตู
|
ใบเหลือง
|
ใบแดง
|
ทีมชาติ
|
2
|
1
|
1
|
0
|
0
|
By:
Unknown
On
00:07
Robin Van Persie โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
Robin Van Persie
โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ 20 |
วันเกิด 6 สิงหาคม 1983 อายุ 30 ปี
สถานที่เกิด ร็อตเตอร์ดัม, เนเธอร์แลนด์ น้ำหนัก - ส่วนสูง 186 |
ค่าเหนื่อย £180,000
ทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ เข้าร่วมทีม 17 สิงหาคม 2012 |
|
โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ นักเตะทีมชาติเนเธอร์แลนด์
ผู้เป็นผลผลิตจากทีมเยาวชนของเฟเยนูร์ด
ตกลงย้ายจากอาร์เซน่อลมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในวันที่ 15 สิงหาคม 2012
ฟาน เพอร์ซี่ เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 14 ปีกับทีม SBV เอ็กเซลซิเออร์ ในประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่ก็เล่นได้เพียงปีเดียว จากนั้นเขาก็ย้ายไปร่วมทีมเฟเยนูร์ด และด้วยวัยเพียง 17 ปี เขาก็ได้ร่วมเล่นในทีมชุดใหญ่ในปี 1990 เนื่องจากอาการบาดเจ็บของนักเตะตัวหลักในทีมหลายๆ คน และในฤดูกาล 2001/02 เขาก็ได้รับรางวัลนักเตะอายุน้อยผู้มีพรสวรรค์จากสมาคมฟุตบอลดัชท์ (the KNVB Best Young Talent award) ในฤดูกาลถัดมาเขาก็ได้เซ็นสัญญาเล่นฟุตบอลอาชีพกับสโมสรเฟเยนูร์ด แต่เนื่องมีปัญหากับผู้จัดการทีมในขณะนั้นซึ่งก็คือ เบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์ ทำให้เขาไม่ค่อยได้ลงสนามในทีมชุดใหญ่มากนัก ตลอดฤดูกาล 2003/04 เขาก็ต้องนั่งเป็นตัวสำรองข้างสนามตลอดทั้งฤดูกาล แต่ด้วยความสามารถอันโดดเด่นในฐานะนักเตะ (แม้ผู้จัดการทีมจะบอกว่าเขาแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมอยู่เสมอ) เขาก็ยังคงได้เปลี่ยนตัวลงสนามเพื่อช่วยทีมถึง 28 นัดในฤดูกาลนี้ และทำประตูได้ 6 ประตูในเกมลีก ในฤดูกาล 2004/05 อาร์เซน่อลได้เริ่มมองหานักเตะใหม่เพื่อเป็นตัวแทนนักเตะรุ่นเก๋าอย่าง เดนนิส เบิร์กแคมป์ และพวกเขาก็ได้คว้าตัวฟาน เพอร์ซี่ไปร่วมทีมด้วยสัญญา 4 ปีในค่าตัว 2.75 ล้านปอนด์ อาร์เซน เวงเกอร์ ได้พยายามสร้างให้ฟาน เพอร์ซี่ สามารถเล่นได้ทั้งตำแหน่งกองกลางตัวรุก และศูนย์หน้า อย่างที่เขาเคยปั้น เธียร์รี่ อองรี มาแล้ว ฟาน เพอร์ซี่ ลงเล่นนัดแรกให้อาร์เซน่อลในเกมเอฟเอ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ที่อาร์เซน่อลเอาชนะแมนฯ ยูไนเต็ด ไปได้ 3 - 1 ในวันที่ 8 สิงหาคม 2004 แต่ในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาล เขายังคงต้องนั่งในม้านั่งสำรองเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเขาก็ได้โอกาสลงสนามไปเล่นแทนตำแหน่งของอองรี ในช่วงที่อองรีมีอาการบาดเจ็บที่น่อง ทำให้ในฤดูกาลแรกของเขาในอังกฤษ เขาได้ลงสนาม 41 นัดและยิงได้ 10 ประตูในทุกถ้วย ในฤดูกาล 2005/06 ฟาน เพอร์ซี่ มีโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงมากขึ้นและเขาก็โชว์ฟอร์มได้ดีตั้งแต่ต้นฤดูกาล จนถูกเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนพฤศจิกายน 2005 หลังจากยิงได้ถึง 8 ประตูจากการลงเล่น 8 นัด จากนั้นทีมก็ต่อสัญญาให้เขาไปจนถึงมกราคม 2011 ในฤดูกาล 2007/08 หลังจากที่อองรี ย้ายไปร่วมทีมบาร์เซโลนา ทำให้ฟาน เพอร์ซี่ มีโอกาสได้ยึดตำแหน่งศูนย์หน้าตัวจริงของอาร์เซน่อล แต่เขาก็กลับมาอาการบาดเจ็บรบกวนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นกระดูกเท้าแตก และการบาดเจ็บที่หัวเข่าในเกมทีมชาติ ทำให้เขาต้องพลาดการลงสนามให้ทีมไปหลายนัด ฤดูกาล 2008/09 เป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของฟาน เพอร์ซี่ เมื่อเขาสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าจะได้ใบแดงแรกในเกมกับสโต๊ค ซิตี้ แต่ในเกมเอฟเอ คัพรอบ 3 วันที่ 3 มกราคม 2009 จากการที่ เชส ฟาเบรกาส กัปตันทีมมีอาการบาดเจ็บ ทำให้ฟาน เพอร์ซี่ ได้รับหน้าที่กัปตันทีมอาร์เซน่อลเป็นครั้งแรก และพวกเขาก็เอาชนะทีมพลายเมาท์ อาร์กายล์มาได้ 3 - 1 โดยฟาน เพอร์ซี่ ยิง 2 ประตูในเกมนี้ และทั้งฤดูกาลนี้เขาทำประตูได้มากถึง 20 ประตู และส่งบอลให้เพื่อนทำประตูได้ 15 ครั้ง ทำให้เขาได้รับการโหวตจากแฟนๆ อาร์เซน่อลให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี หลังจากอาการบาดเจ็บที่เป็นๆ หายๆ ตลอดช่วงฤดูกาลแรก เขาก็เริ่มขยับขึ้นมาเป็นนักเตะตัวหลักของอาร์เซน่อล เป็นนักเตะหัวใจสำคัญในทุกเกมของอาร์เซน่อล และเมื่อเข้ารับตำแหน่งกัปตันทีม เขาก็เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในทีมของอาร์เซน เวงเกอร์ และเป็นนักเตะที่ดีที่สุดคนหนึ่งในฤดูกาล 2011/12 โดยเวงเกอร์ได้เคยให้สัมภาษณ์หลังจากที่ฟาน เพอร์ซี่ทำแฮตทริกได้ในเกมที่ชนะเชลซี 5 - 3 ว่า "ความฉลาดในการเคลื่อนที่ของเขาไปรอบๆ กรอบเขตโทษ และความแม่นยำในการจบสกอร์ของเขานั้นโดดเด่นไม่เหมือนใคร" ฟาน เพอร์ซี่ ทำประตูได้ทั้งสองนัดที่พบกับแมนฯ ยูไนเต็ดในฤดูกาล 2011/12 และยืนยันว่าเขาคือศูนย์หน้าระดับโลกคนหนึ่งที่มีฟอร์มการเล่นที่เฉียบขาดและมีส่วนร่วมในชัยชนะของทีมอยู่เสมอ นอกจากนี้ ความเชี่ยวชาญในการเปิดลูกตั้งเตะของเขาก็เป็นอีกความสามารถหนึ่งที่ยอดเยี่ยม และเขาก็ยังแสดงถึงความไม่เห็นแก่ตัว ด้วยการเปิดบอลให้เพื่อนทำประตูได้จำนวนมากเช่นกัน ในเกมกับทีมชาติ เขาทำประตูให้เนเธอร์แลนด์ได้ในเกมที่พ่ายต่อเยอรมันในศึกยูโร 2012 ซึ่งถือเป็นรายการหนึ่งที่น่าผิดหวัง เดนนิส เบิร์กแคมป์ ผู้ซึ่งเป็นรุ่นพี่ทั้งในทีมชาติ และในทีมอาร์เซน่อล ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ยกย่องฟอร์มการเล่นของฟาน เพอร์ซี่ว่า "เขาสามารถสร้างความแตกต่างให้ทีมได้หลายต่อหลายครั้ง ในความเห็นของผมนะ และผมคิดว่านี่แหละคือคำอธิบายถึงความเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม มันเหลือเชื่อจริงๆ ที่เขาพัฒนาตัวเองได้ขนาดนี้ และนักเตะแบบนี้สมควรที่จะได้ถ้วยรางวัลกับทีม บุคลิกและรูปแบบการเล่นของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก" แม้ว่าจะพ่ายต่อสเปนในฟุตบอลโลกปี 2010 แต่เขาก็เคยชูถ้วยแชมป์ยูฟ่า คัพกับเฟเยนูร์ดในปี 2002 และเคยชูถ้วยเอฟเอ คัพ ในอีก 3 ปีให้หลังกับอาร์เซน่อล ในเกมที่พวกเขาเอาชนะแมนฯ ยูไนเต็ดได้ในนัดชิงชนะเลิศจากการยิงลูกโทษที่คาร์ดิฟฟ์ ในเกมนี้เขาลงสนามในฐานะตัวสำรองและสามารถยิงบอลผ่านมือ รอย คาร์โรลล์ เข้าไปได้ แต่นอกจากถ้วยนี้แล้ว และไม่นับถ้วยการกุศลอย่างคอมมิวนิตี้ ชิลด์ เขาก็ไม่เคยชูถ้วยใดๆ กับอาร์เซน่อลอีกเลย แม้จะได้ลงสนามเป็นนักเตะตัวหลักอย่างสม่ำเสมอ และโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมกับอาร์เซน่อลมาโดยตลอด แต่ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2012 ฟาน เพอร์ซี่ก็ออกมาประกาศต่อสื่อว่าเขาจะไม่ต่อสัญญากับอาร์เซน่อล และนั่นก็ส่งผลให้ทีมยักษ์ใหญ่หลายทีมจ้องที่จะคว้าตัวเขาไปเสริมทีม รวมทั้งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแล้ววันที่ 15 สิงหาคม 2012 เว็บไซต์ของทีมปีศาจแดงก็ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่าได้ตกลงกับอาร์เซน่อล ในการคว้าตัวโรบิน ฟาน เพอร์ซี่มาร่วมทีมเรียบร้อยแล้ว โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เพิ่งได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของอาร์เซน่อล หลังจากโชว์ฟอร์มการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลที่ผ่านมา นักเตะดัชท์ผู้นี้เป็นดาวซัลโวพรีเมียร์ ลีก ในปีที่ผ่านมาด้วยจำนวน 30 ประตู มากกว่าอันดับสองคือ เวย์น รูนี่ย์ อยู่ 3 ประตู ซึ่งในฤดูกาล 2012/13 นี้ทั้งคู่จะได้เล่นด้วยกัน และคาดว่าจะได้ร่วมกันสร้างสรรค์ประตูอีกมากมาย หวังว่าในเวลาอันใกล้นี้ชัยชนะของทีมจะมาพร้อมกับความสามารถอันโดดเด่นของโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ และการย้ายมายังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดของเขานั้นจะช่วยเสริมแนวรุกของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันให้แข็งแกร่งมากขึ้น เกียรติประวัติกับทีม พรีเมียร์ ลีก 2012-2013 คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 2013 เกียรติประวัติส่วนตัว Sir Matt Busby Player of the Year 2013 |
โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
อาร์วีพีทำลายสถิติของทีมชาติฮอลแลนด์
วิเคราะห์ : ฟาน เพอร์ซี่ นักเตะยอดเยี่ยมเดือนสิงหาคม
รวมเหตุการณ์สุดยอดของ ฟาน เพอร์ซี่
ฟาน เพอร์ซี่ ครองตำแหน่งนักเตะรองเท้าทองคำได้อีกสมัย
ฟาน เพอร์ซี่ ซิวรางวัลประตูยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาล
ฟาน เพอร์ซี่ คว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีที่โหวตโดยแฟนบอล
พัลลิสเตอร์ : การมาของฟาน เพอร์ซี่ทำให้นึกถึงคันโตน่า
20 สิ่งที่คุณอาจจะยังไม่รู้เกี่ยวกับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
Red on the Rock "จังหวะได้-เสีย กับ ฟาน เพอร์ซี่"
RVP จากปากคำของเซอร์ อเล็กซ์
สโมสร
|
|||||
รายการ
|
ลงสนาม
|
สำรอง
|
ประตู
|
ใบเหลือง
|
ใบแดง
|
ฟุตบอลลีก, พรีเมียร์
ลีก
|
48
|
4
|
33
|
7
|
0
|
เอฟเอ คัพ
|
4
|
4
|
1
|
1
|
0
|
ลีก คัพ
|
0
|
0
|
0
|
0
|
0
|
ยูโรเปี้ยน / อื่นๆ
|
10
|
2
|
6
|
3
|
0
|
รวม
|
62
|
10
|
40
|
11
|
0
|
ทีมชาติ
|
|||||
รายการ
|
ลงสนาม
|
สำรอง
|
ประตู
|
ใบเหลือง
|
ใบแดง
|
ทีมชาติ
|
80
|
8
|
41
|
10
|
0
|
By:
Unknown
On
00:06
Danny Welbeck แดนนี่ เวลเบ็ค
Danny Welbeck
แดนนี่ เวลเบ็ค 19 |
วันเกิด 26 พฤศจิกายน 1990 อายุ 22 ปี
สถานที่เกิด แมนเชสเตอร์, อังกฤษ น้ำหนัก 73 ส่วนสูง 185 |
ค่าเหนื่อย £50,000
ทีมชาติ อังกฤษ เข้าร่วมทีม 1 กรกฎาคม 2007 |
แดนนี่ เวลเบ็ค เกิดเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 1990 ในแถบลองไซต์ เมืองแมนเชสเตอร์
ประเทศอังกฤษ เป็นนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในตำแหน่งปีกหรือศูนย์หน้า
ด้วยความสูง และสไตล์การวิ่งทำให้เขาถูกนำไปเปรียบเทียบกับ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ของอาร์เซนอล และ เอ็นวานโก้ คานูของพอร์ตสมัธ เวลเบ็คเข้าร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในระหว่างฤดูกาล 2005-2006 ลงสนามเป็นนัดแรกในทีมเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2006 ในเกมลีกที่พบกับซันเดอร์แลนด์ และในเกมต่อมาเขาก็ได้ลงสนามอีกในฐานะตัวสำรอง ฤดูกาลต่อมา เวลเบ็คลงสนามทั้งสิ้น 28 นัด ทำได้ 9 ประตู รวมทั้งการลงเล่นในเอฟเอ ยูธ คัพ 8 นัด ยิงได้ 1 ประตู และช่วยให้ทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ เวลเบ็คเซ็นสัญญานักเตะฝึกหัดครั้งแรกในเดือนกรกฏาคม 2007 และเริ่มต้นฤดูกาล 2007-08 ในทีมเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี แต่ในเวลาไม่นานเขาก็ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาสู่ทีมสำรอง จากนั้นในเดือนมกราคม 2008 เขาถูกเรียกตัวสู่ทีมชุดใหญ่สำหรับการเดินทางไปซาอุดิอาระเบียเพื่อเตะกับอัล ฮีลัล ในเกมเทสติโมเนียลของ ซามี่ อัล-จาเบอร์ ซึ่งถือเป็นการลงสนามนัดแรกในทีมชุดใหญ่ของเขา โดยเวลเบ็ค ถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทน แอนเดอร์สัน ในนาทีที่ 65 และถูกทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษก่อนหมดเวลาเพียงไม่กี่นาที แต่เขายิงจุดโทษข้ามคานออกไป ในฤดูกาล 2008-2009 เวลเบ็คได้โอกาสลงสนามเป็นตัวจริงให้ทีมชุดใหญ่ครั้งแรกในเกมคาร์ลิ่ง คัพ รอบสาม ที่ทีมเปิดบ้านพบกับมิดเดิ้ลสโบรซ์ ซึ่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะไปได้ 3 - 1 โดยเวลเบ็คมีโอกาสจะทำประตูได้ในนาทีที่ 3 แต่เขาก็พลาดไปนิดเดียวเท่านั้น "ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่เขายังเด็กมาก" เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เผย "เขาต้องการเวลาในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ซึ่งเราหวังว่าเขาจะสามารถเป็นกำลังสำคัญของเราต่อไปได้ในอนาคต" เวลเบ็คมีชื่อในม้านั่งสำรองของทีมในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศที่พบกับบาร์เซโลน่า และเป็นหนึ่งในนักเตะที่เดินทางไปเกมนัดชิงที่มอสโก "เขามีสไตล์ที่ดูนุ่มนวลและเฉื่อยชา" พอล แม็คกินเนส (โค้ชทีมเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี) กล่าว "แต่อย่าปล่อยให้สิ่งนี้หลอกคุณ ในความเป็นจริง เขาเป็นคนที่ทำงานหนักมากทีเดียว" "แดนนี่เป็นนักเตะที่มีความสามารถพิเศษ และเปี่ยมไปด้วยทักษะ เขาแข็งแกร่ง มีความเร็ว เล่นเกมรับได้ดีเช่นเดียวกับเกมรุก นอกจากนี้เขายังเป็นผู้นำที่ดีอีกด้วย" เกียรติประวัติกับทีม ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2008 ลีก คัพ 2008-2009 คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 2011, 2013 พรีเมียร์ ลีก 2012-2013 เกียรติประวัติกับทีมสำรอง และเยาวชน แมนเชสเตอร์ ซีเนียร์ คัพ 2007-2008, 2008-2009 เกียรติประวัติส่วนตัว Jimmy Murphy Young Player of the Year 2008 |
สโมสร
|
|||||
รายการ
|
ลงสนาม
|
สำรอง
|
ประตู
|
ใบเหลือง
|
ใบแดง
|
ฟุตบอลลีก, พรีเมียร์
ลีก
|
71
|
29
|
13
|
4
|
0
|
เอฟเอ คัพ
|
12
|
3
|
3
|
1
|
0
|
ลีก คัพ
|
12
|
3
|
2
|
0
|
0
|
ยูโรเปี้ยน / อื่นๆ
|
17
|
6
|
4
|
0
|
0
|
รวม
|
112
|
41
|
22
|
5
|
0
|
ทีมชาติ
|
|||||
รายการ
|
ลงสนาม
|
สำรอง
|
ประตู
|
ใบเหลือง
|
ใบแดง
|
ทีมชาติ
|
20
|
6
|
8
|
2
|
0
|
By:
Unknown
On
00:04
สมัครสมาชิก:
บทความ
(
Atom
)